
ประวัติของเบลนเดอร์
เบลนเดอร์ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ภายในสตูดิโอแอนิเมชัน NeoGeo และ Not a Number Technologies (NaN) ในประเทศฮอลแลนด์ โดย Ton Roosendaal ซึ่งเคยเขียนโปรแกรมจำลองภาพโดยการคำนวณทิศทางแสงบนเครื่อง Amiga ในปี 1989 โดยชื่อ"เบลนเดอร์"ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงของ Yellow จาก album Baby
Roosendaal ก่อตั้ง NaN ขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนปีพ.ศ. 2541 ขึ้นเพื่อพัฒนาและเผยแพร่โปรแกรมเบลนเดอร์ โดยในระยะแรกเบลนเดอร์เป็นแชร์แวร์จนกระทั่ง NaN เลิกกิจการในปีพ.ศ. 2545
กลุ่มผู้ถือหุ้นตกลงจะขายสิทธิ์ในการจัดการ Blender license ให้เป็นแบบ GPL ในราคา €100,000 ในขณะนั้น (พ.ศ. 2545) และหลังจากที่ Roosendall ได้เริ่มระดมทุนจากการรับบริจาคระยะหนึ่ง ก็ได้ประกาศว่าวันที่ 7 เดือนพฤศจิกายนพ.ศ. 2545 ว่าได้รับเงินบริจาคเพียงพอ และเบลนเดอร์ก็กลายเป็นซอฟต์แวร์เสรีและได้รับการพัฒนาต่อมาจนถึงปัจจุบันภายใต้การดูแลของ Blender Foundation
ในระยะแรก Blender Foundation ได้สงวนสิทธิ์ที่จะใช้ dual license (การใช้ license แบบคู่ขนานคืออาจทำสัญญากับบางนิติบุคคลด้วยสัญญาที่ไม่ถูกบังคับโดยข้อกำหนดของ GPL) แต่ทางเลือกนี้ไม่ได้ถูกใช้กระทั่งยกเลิกไปในปีพ.ศ. 2548 ปัจจุบัน Blender จึงอยู่ใต้สัญญาแบบ GPL เท่านั้น
เรามาทำความรู้จักBlenderกัน
Blender เป็นโปรแกรมที่มีขนาดไฟล์ที่เล็ก (ประมาณ 40MB หรือเล็กกว่าหากเลือกเฉพาะส่วน) ทำงานได้โดยไม่ต้องอินสตอล สามารถใส่ในแฟลชไดรฟ์ขนาดเล็กได้ สามารถทำงานได้บนระบบปฏิบัติการหลายรูปแบบ มีความสามารถในการทำคาแรคเตอร์และโมเดล ได้ใกล้เคียงหรือแม้แต่สูงกว่าโปรแกรม 3 มิติระดับสูงอื่นๆในหลายกรณี- รองรับโครงสร้างพื้นฐานเรขาคณิตและการปฏิบัติการหลายอย่าง ได้แก่โมเดล Polygon, พื้นผิวแบบ Subdiv Bezier curve พื้นผิว NURBS metaballs digital sculpting และ ฟอนต์
- รองรับการนำเข้าไฟล์จากโปรแกรมอื่นๆ เช่น Wavefront OBJ, Wings 3D, 3 ดีเอสแมกซ์, LightWave3D, COLLADA และอื่นๆ
- มีเครื่องมือสำหรับทำแอนิเมชัน เช่น armature (กระดูก), constraints, lattice deformation, mesh deform (harmonic coordinate), shape keys, keyframes, timeline, non-linear animation, constraints, vertex weighting, ข้อต่อแบบ dual quaternion, ระบบ particles, ระบบจำลองฟิสิกส์ Bullet (Software) ของไหล ไฟ, ระบบขน ระบบแปรงสำหรับแปรงทิศทางขน ฯลฯ
- มีเครื่องมือสำหรับใช้ตัดต่อและตบแต่งวีดีโอในตัว
- มีเอนจินสำหรับเรนเดอร์ภายในโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพสูงโดยมีคุณลักษณะสำคัญเช่น DoF, Subsurface Scattering, Volumetric Rendering และรองรับโปรแกรมภายนอกสำหรับการเรนเดอร์ที่มีความสามารถคำนวณแสงที่ซับซ้อนกว่าตัวเบลนเดอร์เอง (เช่นการคำนวณแบบ photon mapping และแบบ path tracing) ทั้งแบบที่เป็นซอฟต์แวร์เสรีเช่น YafRay และ LuxRender หรือซอฟต์แวร์กรรมสิทธิ์เช่น Indigo, Renderman, V-Ray
- สามารถเขียนโปรแกรมเสริมการทำงานได้ด้วยภาษา ไพทอนสคริป
- มีเกมเอนจินในตัว
- ระบบแสดงผลแบบ GLSL เช่นสามารถจำลองเงาตกกระทบพื้นผิวได้ในตัว modeler เอง สามารถผสมผสานการทำงานแบบ multi texture ได้
- แก้ไขภาพแบบแรสเตอร์ได้ในตัวโดยสามารถใช้ Node เพื่อจำลองการทำงานแบบ Layer
- ระบบคลี่ UV แบบ ABF++ และ LSCM พร้อมระบบ pin ปักหมุดเพื่อช่วยการคลี่แบบต่อเนื่อง การแสดงค่าความบิดเบี้ยว/ความตึงของหน้า UV
- สามารถระบายสีบนพื้นผิว 3 มิติได้ทันที
- รองรับ tablet
- สามารถนำไปแจกจ่ายหรือขายต่อได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ตามสัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไปของกนู
ภาพของฺBlenderในลักษณะต่างๆ
ภาพชายแก่สร้างด้วยเครื่องมือทำ digital sculpting และระบบ Multi-Resolution (Multires) | การใช้ ambient occlusion ในการให้แสงและเงาแบบ raytracing ด้วย yafray | ||
ภาพเคลื่อนไหว
เรามาทำความรู้จักกับ อินเทอร์เฟสของ Blender ก่อน
Blender จะมีอินเทอร์เฟสที่แปลกกว่าโปรแกรม 3 มิติตัวอื่นอยู่มาก คือจะเป็นลักษณะของหน้าต่างที่จะแสดงค่าต่างๆ ตามแต่ละหน้าต่างไป และเราสามารถที่จะเลือกรูปแบบ ของการจัดวางให้มันแสดงผลได้ตามที่เราต้องการ พูดง่ายๆอีกอย่างคือ มีความยืดหยุ่นในจากจัดการกับอินเทอร์เฟสได้มาก เพื่อให้เหมาะกับการทำงานในแต่ละแบบที่จะแตกต่างกันออกไป
Window ต่างๆใน Blender
และทั้งหมดนี้ ก็คืออินเทอเฟสทั้งหมดที่มีใน Blender ส่วนอินเทอเฟสที่เราได้เห็นในครั้งแรกที่เปิด Blender ขึ้นมานั้น จะเป็นการนำเอาอินเทอเฟส 3 อย่าง เข้ามประกอบเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดเป็นอินเทอเฟสอย่างที่เห็น อินเทอเฟสทั้ง 3ที่ได้กล่าวไปนั้นก็คือ ส่วนเมนูด้านล่าง ของ User Preferences ที่ถูกจัดวางเป็นแถบเมนูด้านบนของอินเทอเฟส ส่วนของพื้นที่ทำงานตรงกลางก็คือ 3D View และส่วนสุดท้าย ด้านล่าง ก็คือ Buttons Window จากการเรียงตัวกันของ อินเทอเฟสทั้ง 3 ทำให้เกิดเป็นอินเทอเฟสที่เราได้เห็นในตอนเริ่มต้น ที่เปิด Blender ขึ้นมา
อินเทอเฟสของ Blender นั้นสามารถแบ่งออกเป็นหน้าต่างย่อยๆ ได้ตามต้องการ ตามที่ได้บอกไว้แล้วว่า มันยืดหยุ่นสูงสำหรับวิธีในการแบ่งอินเทอเฟสออก ให้เป็นหน้าต่างย่อยๆนั้น เพียงแค่คุณนำเมาส์ไปวาง บริเวณขอบของหน้าต่าง หรือรอยต่อระหว่างหน้าต่าง ให้เคอเซอร์เปลี่ยนรูปแบบเป็น ลักษณะของ ลูกศรที่มี 2 หัว จากนั้นคลิ๊กขวา จะเกิดเมนูขั้นมา จากเมนูนี้คุณสามารถ แบ่งหน้าต่างออกมาจาก 1เป็น2 ได้ด้วยการกด Split Area หรือคุณอาจรวมหน้าต่าง จาก 2 ให้รวมเป็น 1 ก็ได้ ด้วยการกด Join Areas
อ้างอิงค์
th.wikipedia.org/wiki/%25E0%25B9%2584...
http://th.wikibooks.org/wiki/Blender3d/Blender_Tutorial/Blender_Interface"
blender_logo.png
สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายโปรแกรม เพราะรองรับได้หลายรูปแบบ เนื้อหาน่าสนใจ เคยได้ยินเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ตอนนี้รู้แล้ว ถือว่าน่าสนใจมากสำหรับโปรแกรมนี้ การจัดรูปแบบบล็อกใช้ได้
ตอบลบเป็นโปรแกรมที่ยากน่าดู แต่ก็อยากลองดาวน์โหลดมาใช้ลบ้าง เนื้อหามีสาระมาก
ตอบลบ